ตลาดซื้อขายหน้าหนาวประจำปี 2019 กำลังเปิดขึ้นอย่างเงียบๆ การย้ายเข้าแบบสะเทือน พรีเมียร์ลีก สำหรับทีมชั้นนำยังไม่เกิดขึ้นใน 10 วันแรก แต่อาจมีการวิ่งแบบม้าตีนปลายก็เป็นได้
และแม้จะมีผู้คนจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าตลาดรอบนี้เป็นตลาดชั้นรอง ตลาดมือสอง ตลาดของเหลือ หรืออะไรก็ตาม จงเชื่อเถิดว่าตลาดรอบนี้มีของดีซ่อนอยู่ และเคยมีหลายทีมได้ของดีกลางฤดูกาล
เดเล่ อัลลี
เอ็มเค ดอนส์ – ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
5 ล้านปอนด์ (205 ล้านบาท)
หากเทียบวุฒิภาวะกับอายุ อัลลี ถือว่ามีทัศนคติที่ดีเกินอายุไปมาก ซึ่งก็น่าจะสมกับค่าตัวหลักล้านสำหรับทีมจาก ลีก ทู และเขายังก้าวหน้าอย่างรวดเร็วใน พรีเมียร์ลีก เป็นกำลังหลักทันทีเมื่อย้ายมา ฤดูกาล 2016/17 ที่เขาได้ลงเล่นแบบเต็มๆ ครั้งแรกเขายิง 18 ประตู และยิงอีก 19 ประตูในซีซั่นถัดมา ด้วยระดับฝีเท้าและอายุ ทำให้เป็นที่คาดกันว่า หากเขาจะย้ายก็ต้องมีค่าตัวมากกว่า 100 ล้านปอนด์ (4,100 ล้านบาท) แต่มันคงไม่เกิดขึ้นง่ายๆ
โชเซ่ ฟอนเต้
คริสตัล พาเลซ – เซาธ์แฮมป์ตัน
1.2 ล้านปอนด์ (49.2 ล้านบาท)
นี่คือหนึ่งในแข้งที่พลิกฟื้นขึ้นมาจากจุดต่ำใน ลีก วัน ด้วยตำแหน่งปราการหลังอันแข็งแกร่ง ฟอนเต้ อาจยังทำอะไรไม่ได้ในครึ่งซีซั่นที่ย้ายมา แต่เขาช่วยให้ทีมเสียประตูน้อยลง และขยับเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อลงเล่นเต็มฤดูกาล ตามด้วยการกลับสู่ พรีเมียร์ลีก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาคือเซ็นเตอร์ที่ดีที่สุดคนหนึ่งเท่าที่สโมสรเคยมีมา และสโมสรยังได้กำไรจากการขายต่อไปที่ เวสต์แฮม อีกด้วย
เนมานย่า วิดิช
สปาร์ตัก มอสโก – แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
7 ล้านปอนด์ (287 ล้านบาท)
แชมป์ พรีเมียร์ลีก 5 สมัย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2008 และ ลีก คัพ อีก 3 สมัย ก็ถือว่าเงินทุกเพนนีของสโมสรแล้ว นอกจากเป็นสุดยอดแข้งที่คุ้มค่า วิดิช ยังเป็นปราการหลังที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เคยมีมา จากรางวัลทีมยอดเยี่ยม พีเอฟเอ 4 สมัย และผู้เล่นยอดเยี่ยม พรีเมียร์ลีก อีก 2 สมัย
เขาคือนักเตะที่แฟนๆ ยังคิดถึงอยู่เสมอ และเป็นต้นแบบที่ทุกคนรอคอยอย่างมีความหวังว่า วิคตอร์ ลินเลเลิฟ จะพัฒนาขึ้นมาให้ได้เทียบเท่า วิดิช ในอีกไม่นานนี้
หลุยส์ ซัวเรซ
อาแจ็กซ์ – ลิเวอร์พูล
22.7 ล้านปอนด์ (930.7 ล้านบาท)
หากพูดกันเป็นตัวเงิน การซื้อ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ จาก อินเตอร์ และขายต่อไปที่ บาร์เซโลน่า อาจได้กำไรมหาศาลมากกว่า แต่ถ้าพูดถึงเรื่องฟุตบอล ซัวเรซ คือคนที่ทำให้หัวใจของแฟนๆ “หงส์แดง” เต้นแรงอีกครั้ง และยังพาทีมขับเคี่ยวลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในยุคของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จนตัวโก่ง
น่าเสียดายที่เรื่องฉาวของเขาทำให้ความดีที่ทำมาไม่เด่นชัดในสายตาแฟนๆ ทีมอื่นเท่าไร แต่การฟันกำไร 3 เท่าเมื่อขายต่อไป บาร์เซโลน่า ก็ถถือว่าน่าพอใจมากแล้ว
ริยาด มาห์เรซ
เลอ อาฟร์ – เลสเตอร์
400,000 ปอนด์ (16.4 ล้านบาท)
การย้ายของ มาห์เรซ อาจเรียกได้ว่าเป็นครั้งที่คุ้มค่าที่สุดครั้งหนึ่งในอังกฤษ ค่าตัวราคาถูกเหมือนได้เปล่า และเป็นการพุ่งทะยานในอาชีพนักเตะ จากทีมดิวิชั่น 4 ของฝรั่งเศสสู่ลีกสูงสุดแดนผู้ดี แถมด้วยแชมป์ พรีเมียร์ลีก และรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี พีเอฟเอ ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลา 5 ปี
แน่นอนว่า เลสเตอร์ ได้กำไรหลายเท่าตัว เมื่อขายต่อให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่จ่ายเงินก้อนโตแต่ก็รู้สึกว่าไม่ขาดทุน เพราะเขายังอยู่ในฟอร์มที่ดี
บรานิสลาฟ อิวาโนวิช
โลโคโมทีฟ มอสโก – เชลซี
9.3 ล้านปอนด์ (381.3 ล้านบาท)
เดือนมกราคม 2008 อิวาโนวิช ย้ายมายังลอนดอน และเจอช่วงเวลา 6 เดือนที่ยากลำบาก เขาใช้เวลาส่วนใหญ่บนม้านั่งสำรองและเริ่มคิดว่าตัวเองตัดสินใจผิด แต่ก่อนจะคิดทำอะไรลงไป เขาได้เจรจากับ อังเดร เชฟเชนโก้ เพื่อนร่วมทีม ตอนนั้นเอง เชลซี ก็เปลี่ยนกุนซือเป็น คาร์โล อันเชล็อตติ และแล้วจุดหักเหในชีวิตก็มาถึง
เขากลายเป็นตัวจริง และยังพัฒนาจากปราการหลังไปเล่นตำแหน่งแบ็คขวาก่อนได้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2012 ในฐานะกำลังหลัก
วิลฟรีด ซาฮา
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – คริสตัล พาเลซ
6 ล้านปอนด์ (246 ล้านบาท)
การย้ายไปสู่ทีมใหญ่ของ ซาฮา ไม่ประสบความสำเร็จนัก และอาจเป็นโชคร้ายเล็กน้อย เพราะเกิดการเปลี่ยนผ่านของยุคจาก เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สู่ เดวิด มอยส์ ทำให้ในที่สุดเขาต้องย้ายกลับมา หลังจากช่วงเวลา 18 เดือนที่ไม่ค่อยได้ลงเล่น โดยช่วงแรกในเดือนสิงหาคมปี 2014 เป็นการยืมตัว แต่อยู่ไปครึ่งซีซั่น การยืมก็เปลี่ยนเป็นการย้ายอย่างถาวร ประสบการณ์อันขมขื่นที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ทำให้เขายังไม่ยอมตัดใจย้ายไปทีมใหญ่อีกเลย ไม่ว่าจะท็อปฟอร์มเปรี้ยงปร้างแค่ไหน เขาก็ยังอยู่ที่ พาเลซ
การซื้อในฤดูหนาวมักเป็นการซื้อเพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างฤดูกาลแบบชั่วคราว แต่จากตัวอย่างที่เกิดขึ้น บางครั้งมันทำให้ปัญหาหมดไป และยังได้กำไรอีกต่างหาก